กลุ่ม ปตท.ผนึกกำลังร่วมกันลดขยะพลาสติก
กลุ่ม ปตท.ผนึกกำลังร่วมกันลดขยะพลาสติก
ประเทศไทยติดอันดับ 6 ใน 192 ประเทศที่มีขยะในทะเลมากที่สุดในโลก โดย 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล มีปริมาณขยะถึง 11.47 ล้านตัน โดยที่ขยะปริมาณกว่า 1.55 ล้านตัน มีขยะพลาสติกอยู่ถึง 340,000 ตัน ซึ่งมีโอกาสปนเปื้อนลงสู่ทะเล ซึ่งจะส่งผลเสียต่อระบบนิเวศน์ทางทะเลโดยรวม
 
กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาชิกองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (TBCSD) หน่วยงานภาคเอกชน และมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหา จึงได้ร่วมมือกันริเริ่ม “โครงการความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน” ซึ่งภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการไม่น้อยกว่า 5 ปี เพื่อจัดการปัญหาขยะและส่งเสริมการใช้พลาสติกอย่างยั่งยืน ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy มีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเลไทยลง ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2570 โดยมีพันธมิตรเข้าร่วมโครงการทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และ ภาคประชาสังคม รวมทั้งสิ้นกว่า 20 หน่วยงาน
 
บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรายใหญ่ของประเทศ ก็เป็นหนึ่งของบริษัทในกลุ่ม ปตท.ที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ โดยคุณสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เห็นว่า นับเป็นครั้งแรกที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันในการจัดการขยะและพลาสติกอย่างจริงจัง
 
โดยไออาร์พีซีพร้อมที่จะสนับสนุนให้ทุกคนใช้พลาสติกอย่างเหมาะสม ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
 
และที่สำคัญจะต้องใช้ถูกวิธี อาทิ การ Reduce, Reuse, และ Recycle
 
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรายใหญ่ของประเทศอีกรายในกลุ่ม ปตท. ก็พร้อมที่จะสนับสนุนการลดการใช้พลาสติกด้วยการนำมารีไซเคิล และใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าให้มีราคาสูงกว่าเดิม เพื่อส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนหรือ Circular Economy นั่นก็คือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ จีซี โดยคุณปฏิภาณ สุคนธมาน ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลาย ของจีซี กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่บริษัทได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการจัดการปัญหาขยะพลาสติก โดยจีซีจะเป็นตัวกลางที่จะทำให้เกิดการอัพไซคิ่ง หรือการนำขยะพลาสติกที่เหลือใช้กลับมาเพิ่มมูลค่าใหม่ เพื่อทำให้สินค้าเกิดห่วงโซ่แวรูเชน
 
โครงการนี้จึงนับเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการที่จะร่วมกันแก้ปัญหาขยะพลาสติกอย่างบูรณาการและยั่งยืนต่อไป